แปลเพลง Glory – Common ft. John Legend (OST. Selma)

เซลม่า—–นี่เป็นหนังเรื่องนึงที่ฉันยังไม่ได้ดู

เพราะอะไรรู้มั๊ย??

เพราะมันไม่เข้าโรงที่ไทยไงเล่า!!

เอาล่ะ—-มันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากเวลาที่อยากจะดูหนังซักเรื่องแล้วมันไม่เข้าไทยเนี่ย บ้าไปแล้ว—-นี่มันบ้ามาก นี่ฉันยังไม่อยากจะพูดถึงหนังดีๆ อย่าง The Theory of Everything, Boyhood, The Imitation Game, Still Alice แล้วอีกมากมายหลายแหล่ที่มีรอบฉายตอนสี่ทุ่มอีก แถมบางเรื่องไม่มีแผ่นด้วย อย่าง Nowhere Boy, The Runaways, The Grand Budapest Hotel, Camp X-ray และนู่นนี่นั่น ฉันไม่อยากจะบ่นนะ…..

(และที่นายทำอยู่นี่เรียกอะไรวะ)

เฮ่อะ! มันเป็นการพูดถึงเฉยๆ ต่างหากล่ะ—–เหมือนคอมเมนท์ในพันทิปไง นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องป็อบคอร์นหน้าโรงหนังอีกนะ…

One day when the glory comes
It will be ours, it will be ours
One day when the war is won
We will be sure, we will be sure
Oh glory

สักวันหนึ่ง ในยามที่เกียรติยศนั้นมาถึง
มันจะเป็นของเรา จะเป็นของเรา
สักวันหนึ่ง ยามที่ชัยชนะแห่งสงครามอยู่ในกำมือเรา
เราจะมั่นใจและหยัดยืนอยู่ตรงนี้
โอ เกียรติและศักดิ์ศรี…

Hands to the Heavens, no man, no weapon
Formed against, yes glory is destined
Every day women and men become legends
Sins that go against our skin become blessings
The movement is a rhythm to us
Freedom is like religion to us
Justice is juxtapositionin’ us
Justice for all just ain’t specific enough
One son died, his spirit is revisitin’ us
Truant livin’ livin’ in us, resistance is us
That’s why Rosa sat on the bus
That’s why we walk through Ferguson with our hands up
When it go down we woman and man up
They say, “Stay down”, and we stand up
Shots, we on the ground, the camera panned up
King pointed to the mountain top and we ran up

ยกมือขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ ไร้ผู้คน ปราศจากอาวุธ
ถึงกระนั้นก็ยังถูกต่อต้าน และเกียรติยศของเราก็ถูกกำหนดไว้เช่นนั้น
ทุกเมื่อเชื่อวัน หญิงและชายได้กลายเป็นตำนาน
ตราบาปหนาที่ผิวหนังของเราจะกลายพระพร
การเคลื่อนไหวนั้นเหมือนจังหวะ
อิสรภาพนั้นเปรียบได้กับศาสนา
ความยุติธรรมนั้นขนานข้างไปกับเรา
และมีไว้เพื่อผู้ที่ไม่มีความสลักสำคัญ
ยามที่ลูกชายอันเป็นที่รักสิ้นใจ วิญญาณของเขาจะกลับมาหาเรา
จะมาพักพิง มีชีวิตอยู่ในผู้คน
นั่นคือสาเหตุว่าทำไมโรซ่าถึงนั้นอยู่บนรถบัส
และทำไมพวกเราถึงต้องเดินไปบนถนนเฟอร์กูสันโดยที่ต้องยกมือขึ้น
ในช่วงเวลาที่ทุกอย่างทลายลง พวกเราหญิงชายจะโหมกระพือขึ้น
พวกนั้นตะโกนว่า “หมอบลง!” และเราจะหยัดยืนขึ้น
ปืนถูกลั่นไก พวกเราล้มลงไป และกล้องจะแพนขึ้น
(มาร์ติน ลูเธอร์) คิงชี้ไปที่ยอดภูเขาและเราก็จะวิ่งไป

Now the war is not over, victory isn’t won
And we’ll fight on to the finish, then when it’s all done
We’ll cry glory, oh glory
We’ll cry glory, oh glory

และในเวลานี่สงครามก็ยังไม่สิ้นสุดลง ชัยชนะนั้นยังไม่ใช่ของเรา
และเราจะสู้จนถึงจุดสุดท้าย จนในยามที่ทุกๆ อย่างได้ปิดฉากลง
เราจะร้องว่าศักดิ์ศรี เกียรติยศ
เราจะกู่ร้องออกมา

Selma is now for every man, woman and child
Even Jesus got his crown in front of a crowd
They marched with the torch, we gon’ run with it now
Never look back, we done gone hundreds of miles
From dark roads he rose, to become a hero
Facin’ the league of justice, his power was the people
Enemy is lethal, a king became regal
Saw the face of Jim Crow under a bald eagle
The biggest weapon is to stay peaceful
We sing, our music is the cuts that we bleed through
Somewhere in the dream we had an epiphany
Now we right the wrongs in history
No one can win the war individually
It takes the wisdom of the elders and young people’s energy
Welcome to the story we call victory
Comin’ of the Lord, my eyes have seen the glory

เซลม่านั้นมีเพื่อชาย หญิงและพงศ์พันธุ์ของเรา
แม้กระทั่งพระเยซูก็ได้สวมมงกุฎของพระองค์ต่อหน้าผู้คน
พวกเขาจะดาบหน้าเข้ามาพร้อมกับคบเพลิง และเราจะวิ่งไปพร้อมกับมัน
พวกเราได้เดินบนถนนเส้นนี้มาอย่างและจะไม่หันหลังกลับ
จากถนนที่ต่ำตมไร้แสงสว่างเขาได้หยัดยืนขึ้นเพื่อเป็นวีรบุรุษ
เผชิญหน้ากับความยุติธรรม พลังของเขาคือฝูงมวลมหาชน
ศัตรูนั้นอันตรายถึงตาย ราชาจะกลายเป็นราชัน
ใบหน้าของจิม โครว์ฉายอยู่ใต้นกอินทรี
อาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคืออยู่อย่างสันติสุข
เราจะร่ำร้อง บทเพลงนั้นคือรอยแผลของเราที่เลือดอาบไหล
ท่ามกลางสถานที่ในความฝัน เราจะเฉลิมฉลอง
และตอนนี้เรากลายเป็นผู้ถูกต้องในความผิดแห่งประวัติศาสตร์
ไม่มีใครที่จะคว้าชัยด้วยตัวคนเดียวได้
มันต้องใช้ทั้งปัญญาแห่งผู้อาวุโสและกำลังวังชาของคนหนุ่ม
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เรื่องเล่าขานที่มีนามว่า “ชัยชนะ”
การมาถึงของพระผู้เป็นเจ้าได้ทำให้ตาใจของเราเห็นเกียรติและศักดิ์ศรี

When the war is done, when it’s all said and done
We’ll cry glory, oh glory

และในยามที่สงครามสิ้นสุด คราที่ทุกอย่างถูกป่าวประกาศและยุติลง
เราจะกู่ร้องออกมาว่า ความรุ่งโรจน์ เกียรติยศของเรา


อ่านแล้วงงล่ะสิ——มาอ่านประวัติย่อของ Selma กันดีกว่า

The three Selma to Montgomery marches in 1965 were part of the Voting Rights Movement underway in Selma, Alabama. By highlighting racial injustice in the South, they contributed to passage that year of the Voting Rights Act, a landmark federal achievement of the 1960s American Civil Rights Movement. Activists publicized the three protest marches to walk the 54-mile (87 km) highway from Selma to the Alabama state capital of Montgomery as showing the desire of African-American citizens to exercise their constitutional right to vote, in defiance of segregationist.

การเดินขบวนสามขบวนจากเซลม่าถึงมอนท์โกเมอร์รี่นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของประชาชนชาวแอฟริกัน-อเมริกันในการมีสิทธูิ์ออกเสียงในการเลือกตั้งที่เซลม่า รัฐอลาบาม่า โดยเน้นย้ำในเรื่องความอยุติธรรมทางเชื้อชาติที่ประสบปัญหาในทางตอนใต้ ซึ่งการประท้วงในครั้งนี้ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จเรื่องการมีสิทธิออกเสียงในปี 1960s ซึ่งเป็นปีแห่งสิทธิและเสรีภาพในการลงคะแนนเสียงในพื้นที่ที่ประท้วงของประชาชนชาวอเมริกัน นักเคลื่อนไหวได้ทำการเดินขบวนเป็นระยะทางถึง 54 ไมล์ (87 กิโลเมตร) จากทางด่วนที่เซลม่าถึงอลาบาม่าซึ่งเป็นศูนย์กลางของมอนท์โกเมอร์รี่เพื่อแสดงความต้องการของประชาชนชาวแอฟริกัน-อเมริกันเพื่อขับเคลื่อนกฎหมายในการโหวตของตนเพื่อต่อต้านโดยระบบการแบ่งแยกเชื้อชาติใน